Nan - Doi Phukha (Feb'01)

ดอยภูคา...ล่องแก่งน้ำว้า...ผาชู้...จังหวัดน่าน
21-25 กุมภาพันธ์ 2544

วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ (1/5) เราออกเดินทางออกจากกรุงเทพฯประมาณสองทุ่ม โดยรถตู้ปรับอากาศ No.2 (ของคุณเล็ก) มีพวกเรา 6 คน พี่สุรางค์ พี่พิกุล พี่อมรา พี่ใหญ่ จอย และ ชมพู  ไกด์จากแคมปิ้งไซค์ 2 คน คุณแป๋ง คุณอู๊ด (ไกด์ขาประจำแก๊งค์ทัวร์) และคุณมัตเป็นสารถี มีการแนะนำตัวและแจกขนมเอแคร์ แยมโรล (เหมือนเดิม) คนละ 1 กล่อง คุยกันถึงโปรแกรมที่จะไปจนสมครวแก่เวลา...เราก็หลับ ยกเว้นคุณมัต(หลับไม่ได้) มีการจอดพักรถแวะปั๊มเราได้ยืดเส้นยืดสายและเข้านห้องน้ำ

วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ (2/5) ประมาณตีสี่ถึงจังหวัดน่าน และปั๊ม ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงถึง อ.ป๊ว ระยะทาง 59 กิโลเมตร พี่สุรางค์ พี่พิกุล พี่ใหญ่ และไกด์ไปเดินตลาดที่เหลือหลับ(อย่างมีความสุข) อยู่บนรถ..แล้วเราเดินทางต่อไปที่โรงแรมป่าป๊วภูคาถึงประมาณตีห้า...ได้ล้างหน้าแปรงฟันกันหน้าตาสดใส พร้อมที่จะเดินทางต่อ ระหว่างรออาหารเช้าก็ออกสำรวจบริเวณใกล้เคียง สูดอากาศบริสุทธิ์...วิวสวย ไม่บอกก็คงจะรู้ว่าต้องถ่ายรูป....เรามาทานอาหารเช้ากันก่อน มีกาแฟ ขนมปัง ข้าวต้มหมู ไข่ลวก อากาศเช้านี้สดชื่นไม่เย็นเกินไป


เวลาแปดโมงสิบห้าเราเคลื่อนย้ายออกจากโรงแรมขึ้นรถไปเคารพเจ้าพ่อหลวงดอยภู คาที่ศาล ได้ยินว่ามี ทส.เจ้าหัวโต(อะไรก็ไม่รู้)เฝ้าอยู่ด้วย  จากนั้นเราเดินประมาณ 800 เมตรไปที่น้ำตกศิลาเพชร...เดินสบายๆ ส่วนใหญ่จะเป็นหินสลิบซับซ้อน มีน้ำน้อย ฟ้าไม่สวย เราอยู่ถ่ายรูปกันสักพักก็เดินกลับมาที่รถเวลาเก้าโมงสามสิบห้าแล้วเดินทางต่อไป
น้ำตกศิลาเพชร


11.00 น. และศูนย์บริการการท่องเที่ยว นั่งกินลมชมวิวสักพักหนี่ง ก็เดินทางไปและที่ป้อมหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ประทับตราใน passport

อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
 
11.30 น. ถีงบ้านพัก เก็บสัมภาระเข้าที่ แล้วไปทานอาหารกลางวันที่ร้านรับรองของอุทยานฯ มีปลาทอด น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู แกงส้ม และไข่เจียว...อร่อย จากนั้นคุณมัตขะบรถพาเราได้ดูต้นเต่าร้านยักษ์ อายุมากว้าเราหลายๆคนรวมกัน ควรจะเรียกว่าเต่าร้านโบราณ น่าจะเหมาะกว่า แต่พวกเรานั่งตาปรือกันแล้ว (จวนจะหลับมิหลับแห่ลอยู่แล้ว) แล้วก็พาเราไปดูต้นชมพูภูคาต้นแรก เห็นดอกสีชมพูๆ ส้มๆ เป็นช่อ ออกดอกให้เห็นหลายช่อ เป็นต้นที่ได้เห็นใกล้ที่สุด ต่อด้วยลานดูดาว อากาศร้อน...แต่มีลมโชยพอสบายๆ และแล้ว...ลมปากกว้างก็มาเยือนพวกเรา นั่งตรงไหนก็อยากหลับ เพราะเราหลับๆ ตื่นๆกันมาทั้งคืนตลอดทาง
2 ไกด์ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ อช. นำทางไปดูต้นชมพูภูคา เดินเข้าไปในป่าพบต้นชมพูภูคาแรกรุ่นหลายต้น ไม่ใช่จะมีต้นเดียวในประเทศไทยอีกแล้ว คนรุ่นต่อไปก็จะได้เห็นเช่นกัน รวมทั้งต้นเต่าร้านยักษ์ ลำต้นสูงใหญ่(มากๆ) เราเคยเห็นที่ภูสอยดาวกันมาแล้ว...เดินฟังเสียงนก ดูต้นไม้จนเพลิน พบต้นชมพูภูคาที่ดอกทั้งต้นเราไม่สามารถดูใกล้ๆ ได้ ต้องแหงนคอตั้งบ่าและใช้กล้องส่องทางไกล  ผู้นำทางพาเดิเป็นวงกลมระยะทาง 3 กิโลกว่าๆ รู้สึกเหนื่อและร้อนมาก เดินมาถึงลานกางเต็นท์เวลาประมาณ 4 โมงเย็น และเดินไปจนถึงที่บ้านพัก เรียกคุณมัตให้ขับรถมารับไปยังลานดูดาวอีกครั้ง ระหว่างทางเราก็ปิดถนนถ่ายรูปดอกเสี้ยวและดอกหญ้า ขึ้นรถต่อไปถึงลานดูดาว นั่งรอพระอาทิตย์ตก
ต้นชมพูภูคา..ดอกสีชมพูๆ ส้มๆ เป็นช่อ เต็มต้น
ระหว่างทางเราก็ปิดถนนถ่ายรูปดอกเสี้ยวและดอกหญ้า



วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ (3/5) เราตื่นนอนกตั้งแต่ตีห้า เตรียมพร้อมเช่นทุกวันเก็บสัมภาระขึ้นรถ เจ็ดโมงเช้าออกไปทานข้าวต้มเครื่อง และกาแฟ




แปดโมงขึ้นรถไปดูดอกเสี้ยวขาวหรือชงโคป่าเดินไประยะทาง 800 เมตร ได้เห็นแล้วไม่ผิดหวัง สีขาวสะพรั่งทั่งหุบเขาสวยประทับใจจริงๆ ถ่ายรูปกันจนพอใจเดินทางกลับ
ดอกเสี้ยวขาวหรือชงโคป่า




เก้าโมงสามสิบออกรถเดินทางต่อคุยกันบ้าง หลับบ้าง จนสิบโมงสี่สิบห้าเข้าหมู่บ้านทอผ้า แลวะซื้อผ้าที่ร้านจันทร์สมการทอ ได้ผ้าสวยถูกใจกันคนละชิ้นสองชิ้น  จากนั้นเราก็ไปวัดหนองบัว ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนโดยชาวไทลี้อ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 สิบเอ็ดโมงสามสิบห้าออกจากวันดหนองบัว บ่ายโมงครึ่งแวะทานอาหารกลางวันที่ร้านเรื่อนแก้ว เป็นร้านที่ หนังสือ อสท แนะนำ จากร้านอาหารเราตรงไปร้านจางตระกูล เป็นร้านผ้าที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดน่าน เราซื้อกันหลายชิ้น...จนไกด์เริ่มง่วง...และเริ่มเตือนให้ขี้นรถ



บ่ายสามโมงครึ่ง...ไกด์จันอับนำชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติของจังหวัดน่าน ชมศิลปวัฒนธรรม ประวัติความเป็นมา และงาช้าดำ


จากนั้นไปวัดภูมินทร์ กราบนมัสการพระประธานจติรพักตร์ ชมภาพฝาผนังกำเนิดของผ้าลายน้ำไหลที่เลื่องลือของ จ.น่าน
พระประธานจตุรพักตร์

สื่โมงครึ่งถึงวัดพระธาตุแช่แห้ง ไกด์พาไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ เดินรอบๆองค์พระเจดียฺ์ และถ่ายรูป
วัดพระธาตุแช่แห้ง

ห้าโมงเย็นขึ้นรถมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติแม่จริม รถแล่นไปได้สักพักใหญ่ต้องจอดข้างทางเพราะความร้อนขึ้นสูง พวกเราได้ออกมายืดแข้งยืดขากันริมถนน นานๆรถจะมาสักคัน เพื่อไม่ให้เสียเวลาพวกเราถ่ายรูปกันต่อ (นั่งถ่าย...รูปกันกลางถนน)




หกโมงสี่สิบถึงอุทยานแห่งชาติแม่จริม เก็บของเข้าที่บ้านพักชื่อน้ำว้า มี 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ หนึ่งทุ่มไปทานอาหารเย็น และก่อนนอนมีตั้งวงเล่น bingo กัน

วันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ (4/5) เราตื่นตีห้าครึ่ง แล้วเดินไปชมวิว...ถ่ายรูป  เจ็ดโมงเช้าทานข้าวเช้ากัน ...เมื่ออิ่มกันแล้วก็กลับเข้าที่พักเพื่อที่จะแต่งตัวลงล่องแก่งน้ำว้าตอนล่าง และเก็บสัมภาระทั้งหมดไว้ในรถเพื่อย้ายที่นอนอีกคืน

แปดโมง 2 ไกด์ไม่สาธิตหรือแนะนำวิธิการปฎิบัติตัวในขณะที่ล่องแก่งให้เราเลยอะ...คงเพราะเคยเห็นฝีไม้ลายมือกันมาหลายครั้งแล้ว....เราลงไปนั่งในเรือตามตำแหน่งที่เขาวางไว้ (ตามน้ำหนักตัว)

เก้าโมงครึ่งเริ่ม start ล่องไปเรื่อยๆ ใต้น้ำมีสาหร่ายสีเขียวสวยอยู่ตลอดสายน้ำ ถึงแก่งหลวงเริ่มตื่นเต้นพอสมควรและแก่งอื่นๆ เช่น สบแปง-ผาหน่อ ความตื่นเต้นมีเป็นระยะๆ ลำน้ำกว้าง น้ำไหลเอื่อยๆ ต้องออกแรงพายกันมาก บางช่วงดูน้ำเหมือนจะอยู่นิ่งๆ ต้องมีการให้น้ำหรือไม่ก็แกล้งกันบ้าง  บ่ายโมงเราจอดเรือริมฝั่งเพื่อทานอาหารกลางวันที่เตรียมมาจาก อช.แม่จริม ทานข้าวกลางวันกันท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มเย็น อิ่มแล้วอยากจะหลับสักงีบ...





  จากนั้นเราลงเรือพากไปเรื่อยๆ สู่แก่งต่างๆ แก่งไฮ แก่งตึก แก่งโตน และแก่งบ่อ

น้ำไหลเรื่อยๆ..ตลอดลำน้ำว้าเราพบนกหลายชนิด สีสวยงาม แดดร้อน ดูแห้งแล้ง ท้องฟ้าเป็นสีขาว ภาษาของกรมอุตุฯเรียกว่าฟ้าหลัว...ใช้เวลาไปนานและออกแรงมาก กว่าจะผ่านพ้นหลายคุ้งน้ำ...เหนื่อยจริงๆ เมื่อไหร่จะถึงเสียทีวะ...ที่น่าตื่นเต้น คงจะเป็นที่น่านปางช้างมีช้างยืนอยู่ 3 ตัว ตัวใหญ่ 1 ตัวและตัวเล็ก 2 ตัว ถูกล่ามโซ่คูกัน เจ้าตัวใหญ่หันมามองทางพวกเราเหมือนจะเอาเรื่อง จากประสบการณ์คุณแป๋งแนะให้พวกเรารีบพายจ้ำกันอย่างรวดเร็ว...จนแน่ใจแล้วจึงผ่อนฝีพายลง...พายไปอย่างสบายๆกันต่อไป



เราได้ลงเล่นน้ำกันในสายธารน้ำที่ไหลเย็น...เป็นที่ชื่นใจแก่งกว้าง ริมฝั่งน้ำตื่นไกลออกไปเป็นล่องน้ำลึก หลังจากที่แต่งตัวเสร็จและเก็บสัมภาระขึ้นรถแล่ว...เดินทางไปบ้านนาน้อยเพื่อไปอุทยานแห่งชาติศรีน่าน กว่าจะถึงก็มีการออกนอกเส้นทาง...เข้าผิดหมู่บ้าน ใช้เวลานานพอสมครวกว่าจะหาทางออกมา ต้องถามเส้นทางจากชาวบ้านในตลาด

หนึ่งทุ่มถึงดอยผาชู้ อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ในครั้งแรกคิดว่าจะต้องนอนเต็นท์ แต่ได้รับการต้อนรับอย่างดีมีบ้านพักที่แสนสบายจัดไว้ให้ เข้าที่พักและเตรียมตัวทานข้าวเย็นที่ทางอุทยานจัดให้

วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ (5/5) ตื่นตีห้าอีกแล้ว...เตรียมตัวไปดูพระอาทิตย์ขึ้นใกล้ที่พัก ฟ้ายังปิดอยู่เช่นเคย มีหมอกมัวๆ ไมเป็นตังที่หวังไว้ เราก็ยังตั้งใจปักหลักที่จะถ่ายรูปกันอย่างมุ่งมั่น ไหนๆก็ตื่นมาแล้ว



แปดโมงครึ่งออกจากอุทยานแห่งชาติศรีน่าน ใช้เวาลาไม่นานถึงบ้านนาน้อย เข้าไปดูเสาดินนาน้อย คล้ายกับเสาดินแพะเมืองผีที่จังหวัดแพ่ร คุณแป๋งสวมวิญญาณมัคคุเทศก์อีกครั้ง อธิบายความเป็นมาในบริเวณนี้ให้ฟัง...ถ่ายรูปกันบ้างไม่นานมากนัก เนื่องจากอากาศร้อนมาก
เสาดินนาน้อย คล้ายกับเสาดินแพะเมืองผี ที่จังหวัดแพ่ร
 
 





เจอต้นกัลปพฤกษ์ที่ออกดอกสีชมพูหวานไปทั้งต้น...แวะถ่ายเป็นที่ระลึก
และแวะที่กองอนุรักษ์ต้นน้าสามสบ เข้าไปดูต้นฝ้ายคำเป็นต้นไม่ที่ออกดอกสีเหลืองทั้งต้น และต้นเหลืองอินเดีย กลีบดอกเหมือนทองอุไร สวยสว่างตา แวะทานข้าวเที่ยงที่ร้านอาหรบ้านฝ้าย จ.แพร่ เราออกจากร้านอาหารประมาณบ่ายสองโมง และนมัสการพระธาตุช่อแฮง แล้วไปแวะร้านแสงจันทร์ขายผ้าพื้นเมือง และมีแวะร้านผ้าไหมระหว่างทางอีก ถึงกรุงเทพฯ 23.00 น.

ต้องขอขอบคุณพี่ใหญ่ที่เป็นผู้จัดการมือโปร์ คิด program ต่างๆในคราวนี้ เป็นทริปที่สนุกอีกหนี่งทริป เพราะได้รับรวามสะดวกสบายทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักที่สะอาด และโปร์แกรมเที่ยว การล่องแก่ง ลุยเดินป่าขึ้นเขา ลงน้ำเป็นสิ่งที่พวกเราชอบกันทุกคน เพิ่มสีสันให้กับชีวิต ตลอดจนเรื่องอาหารการกินก็ไม่ต้องเป็นกังวลและอร่อยอีกต่างหาก Body guard พี่ไกด์ทั้ง 2 คน ที่มีอัธยาศัยไมตรี ดูแลพวกเราอย่างดี (แม้ว่าพวกเราจะกวน..กวนเล็กน้อย) มีลมหายใจกลับกรุงเทพฯ ได้อย่างปลอดภัย เและพี่ๆน้องๆที่ร่วมเดินทางน่ารักทุกคน